ดื่มด่ำไปกับประสบการณ์การแช่ออนเซ็นในฤดูหนาวที่ยามากาตะ
ปฏิเสธไม่ได้ว่าญี่ปุ่น เป็นประเทศที่สามารถอนุรักษ์วัฒนธรรมและสถานที่เก่าแก่ไว้ได้อย่างดีเยี่ยมจนถึงปัจจุบัน แทบทุกจังหวัดจะมีสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์หรือไม่ก็ย่านเมืองเก่าสวยๆเป็นจุดหมายของนักท่องเที่ยวอยู่เสมอ แต่ส่วนมากสถานที่เหล่านั้นมักจะเป็นเพียงสถานที่ย้อนยุค ที่อย่างมากสุดผู้มาเยือนก็ทำได้เพียงถ่ายรูป มีเพียงไม่กี่สถานที่เท่านั้นที่ผู้มาเยือนจะสามารถลิ้มลองประสบการณ์ย้อนยุคได้จริงๆ
แต่หนึ่งในนั้นคือจังหวัดยามากาตะ (YAMAGATA - 山形) ตั้งอยู่ในภูมิภาคโทโฮคุ พื้นที่ของจังหวัดยามากาตะถูกล้อมรอบไปด้วยภูเขาน้อยใหญ่รอบทิศทางจนดูเป็นแอ่งกระทะ ไม่ว่ามองไปทางไหนก็จะเห็นภูเขาเต็มไปหมด จนสมชื่อ “ยามะ (YAMA - 山)” ที่แปลว่าภูเขาในภาษาญี่ปุ่น และด้วยความที่เป็นภูเขานี้เองทำให้ยามากาตะเป็นจังหวัดหนึ่งที่ยังคงความสมบูรณ์ของธรรมชาติไว้ได้ดีมากๆ เช่นเดียวกับวัฒนธรรมเก่าแก่ของพวกเขาที่ส่งต่อกันมาอย่างยาวนาน ซึ่งชาวบ้านที่นี่ภูมิใจที่จะนำเสนอสิ่งเหล่านั้นกับบรรดานักท่องเที่ยวอยู่เสมอ เริ่มจากฟาร์มสเตย์ที่หมู่บ้านโทซาว่า (Tozawa Village)
ตั้งแต่ทิศตะวันออกจนถึงตะวันตกของหมู่บ้านโทซาว่านั้นมีแม่น้ำโมกามิไหลผ่าน ทำให้มีวิวทิวทัศน์ธรรมชาติที่สวยงาม ไฮไลท์ของที่นี่คือเหล่าเกษตรกรที่เปิดบริหารบ้านพักเกสต์เฮ้าส์ (Guest House) ย้อนยุคอยู่ 6 หลัง ซึ่งเปิดรับนักท่องเที่ยวให้ได้เข้ามาสัมผัสประสบการณ์แบบเกษตรกรย้อนยุค ตั้งแต่การปลูกข้าว เก็บเกี่ยวผลผลิต หรือแม้แต่นำผลผลิต homemade เหล่านั้นมาทำอาหารด้วยตัวเอง ซึ่งกิจกรรมที่ทำได้นั้นขึ้นอยู่กับฤดูกาลที่คุณมาเยี่ยมเยือนด้วย
นอกจากกิจกรรมที่ว่าไปข้างต้นแล้ว ที่นี่ยังไม่มี Wi-Fi จุดนี้นี่แหละที่จะการันตีความย้อนยุคให้กับเหล่าทักท่องเที่ยวสมัยใหม่ได้อย่างแท้จริง ผมมีโอกาสได้มาเยี่ยมเยือนที่นี่ในช่วงฤดูหนาว การเดินทางจึงแอบลำบากนิดนึง หิมะข้างทางสูงถึง 2-3 เมตร แต่ก็แลกมากับวิวภูเขาที่ขาวโพลนสะอาดและสวยตระการตา
แต่หากใครที่ไม่ได้หลงใหลในการทำอาหารด้วยตัวเอง แค่อยากจะร่วมเก็บเกี่ยวผลผลิตทางการเกษตร เพียงแค่บอกทางเจ้าบ้านให้ดี เราก็จะสามารถเลือกให้เจ้าของบ้านทำอาหารให้เราได้ด้วยเช่นกัน ซึ่งอร่อยกว่าผมทำกินเองอย่างเห็นได้ชัด
ตามที่ได้ยินมา เจ้าบ้านของเกสต์เฮ้าส์แต่ละหลังจะทำอาหารที่ไม่เหมือนกัน อย่างอจิกิหลังที่ผมไปคือข้าวไก่ทงคัตสึ เซิร์ฟพร้อมข้าวอุ่นๆและซุปร้อนๆ ส่วนบ้านอีกหลังอย่างโยโซเอม่อน (Yosoemon) นั้น เจ้าของบ้านเปิดร้านโซบะควบคู่ไปด้วย หากไปพักที่นั่นคุณก็จะได้ทานโซบะแทนอย่างไม่ต้องสงสัย
หลังจากเก็บเกี่ยวพืชผักท่ามกลางหิมะที่หนาวเหน็บ ไม่มีอะไรจะดีไปกว่าการได้แช่น้ำพุร้อนอุ่นๆอีกแล้ว ยามากาตะนั้นขึ้นชื่อเรื่องออนเซ็นอย่างแท้จริง โดยจะมีหมู่บ้านออนเซ็น (Onsen Village) อยู่หลายแห่งทั่วจังหวัด หมู่บ้านออนเซ็นที่ชื่อเสียงที่สุดคงหนีไม่พ้นกินซานออนเซ็น (Ginzan Onsen) หรือฮิจิโอริออนเซ็น (Hijiori Onsen) เหตุผลหนึ่งที่ทำให้ออนเซ็นของที่นี่โดดเด่นคือการที่ออนเซ็นนั้นมักจะอยู่ในเรียวกัง (Ryokan - 旅館) หรือที่พักในสไตล์ญี่ปุ่น การตกแต่งจะเป็นรูปแบบญี่ปุ่นสมัยก่อน ตั้งแต่ล็อบบี้ ห้องพัก รวมไปถึงการแต่งกายและลักษณะการให้บริหารของเจ้าหน้าที่ในเรียวกังด้วย ที่พักแบบเรียวกังนี้ยังคงมีบทบาทสำคัญในการถ่ายทอดวัฒนธรรมการเข้าพักแบบญี่ปุ่นในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวญี่ปุ่นจนถึงปัจจุบัน
สิ่งที่ทำให้เรียวกังต่างจากโรงแรมสากลคือการมีอาหารบริการทั้งมื้อเช้าและเย็น มีชุดยูกาตะ/กิโมโนให้ลูกค้าที่เข้าพักสวมใส่ และจุดที่ขาดไม่ได้เลยคือน้ำพุร้อนออนเซ็น ไม่ว่าจะเป็นแบบรวมหรือแบบส่วนตัวก็ตาม
โดยการเข้าพักในเรียวกังส่วนใหญ่ ลูกค้าที่เข้าพักจะต้องถอดรองเท้าที่ประตูทางเข้า และเปลี่ยนเป็นรองเท้าแตะสำหรับใส่ในบ้าน เฉกเช่นธรรมเนียมการอยู่บ้านของชาวญี่ปุ่นทั่วๆไป บางโซนของเรียวกังจะปูด้วยเสื่อทาทามิ ถ้าเข้าไปในโซนหรือห้องที่ปูด้วยเสื่อทาทามิก็จะต้องถอดรองเท้า นอกจากจะเป็นวัฒนธรรมญี่ปุ่นแล้วยังเป็นการช่วยรักษาความสะอาดให้กับลูกค้าที่จะเข้าพักคนต่อๆไปอีกด้วย
ออนเซ็นและเรียวกังเรียกได้ว่าเป็นไฮไลท์ของที่นี่ หมู่บ้านออนเซ็นที่ใกล้หมู่บ้านโทซาว่าที่สุดคงหนีไม่พ้นฮิจิโอริออนเซ็นซึ่งตั้งอยู่ในหมู่บ้านโอคุระเล็กๆท่ามกลางหุบเขา เต็มไปด้วยกลิ่นอายจากอาคารไม้สวยงาม บริเวณนี้มีเรียวกังมากมายหลากแหล่งให้เลือกพักอาศัย ดีไซน์เรียวกังส่วนใหญ่มีความย้อนยุค แต่ยังแฝงไปด้วยความทันสมัย ให้ความรู้สึกของย่านเมืองเก่าที่สวยงามดุจดังภาพวาด โดยจะมีภูเขาน้อยใหญ่ล้อมรอบหมู่บ้านย้อนยุคนี้อีกทีหนึ่ง ทำให้ฮิจิโอริออนเซ็นให้ความรู้สึกเสมือนเป็นหมู่บ้านลับแลที่ถูกตัดขาดจากโลกภายนอกที่แสนวุ่นวาย
ฮิจิโอริยังคงรักษาบรรยากาศเหมือนสมัยค.ศ. 1700 หรือยุคเอโดะของญี่ปุ่นไว้ได้อย่างดี ทุกเรียวกังรวมไปถึงร้านค้า เจ้าของยังคงเป็นตระกูลเดิมทั้งหมด 26 ตระกูลตั้งแต่รุ่นก่อตั้ง วัฒนธรรมและวิถีชีวิตถูกส่งต่อกันมารุ่นสู่รุ่น ไม่ผิดเพี้ยน
มีเรื่องเล่าจากชาวบ้าน ว่าที่นี่เมื่อราวๆ 1200 ปีที่แล้ว มีนักพรตชาวพุทธคนหนึ่งตกลงมาจากยอดเขา ทำให้ได้รับบาดแผลสาหัส ขณะที่พยายามลงเขามาอย่างทุลักทุเลนั้น นักพรตคนดังกล่าวก็บังเอิญเสียหลักกลิ้งตกลงไปในบ่อน้ำพุร้อนธรรมชาติใกล้ๆแม่น้ำโดซาน (Dozan River) และนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ฮิจิโอริออนเซ็นก็ได้กลายเป็นจุดหมายปลายทางของเหล่าผู้ที่ต้องการรักษาความเจ็บปวดทางร่างกาย รวมไปถึงเป็นสถานที่แสวงบุญอันศักดิ์สิทธิ์สำหรับเหล่านักบวชที่บูชาพระโพธิสัตว์
ฮิจิโอริออนเซ็นจึงเป็นบ่อน้ำพุร้อนจากธรรมชาติ ที่ชาวบ้านเชื่อว่าเป็นบ่อน้ำพุร้อนศักดิ์สิทธิ์ที่สามารถรักษาบาดแผลต่างๆให้หายเป็นปลิดทิ้งได้ นับว่าเป็นตำนานที่น่าสนใจทีเดียว
หลังจากการแสวงหาความผ่อนคลายและการรักษาจากน้ำพุร้อนศักดิ์สิทธิ์ ก็ถึงเวลามื้อค่ำเสียที อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่าที่พักแบบเรียวกังจะมีอาหารเย็นรวมอยู่ด้วยในแพ็คเกจ และแม้แต่อาหารเย็นเองก็เป็นสไตล์ญี่ปุ่นเช่นกัน ไคเซกิ เรียวริ (Kaiseki Ryori) วัตถุดิบเกือบทั้งหมดมาจากฟาร์มท้องถิ่น ภายในเซ็ตจะประกอบด้วยอาหารนานาชนิดทั้งพืชผักผลไม้รวมไปถึงเนื้อสัตว์ นอกจากนี้ผมยังได้ยินมาว่าเห็ดยังเป็นของขึ้นชื่อของบริเวณนี้อีกด้วย เพราะฉะนั้น นักชิมทั้งหลาย เตรียมตัวพบกับเมนูหลากหลายรสชาติที่คุณอาจจะไม่เคยได้ลิ้มรสมาก่อน
เนื่องจากตั้งอยู่บริเวณภูเขา ไม่แปลกใจเลยที่หมู่บ้านโอคุระจะนับเป็นพื้นที่ที่มีหิมะตกหนักเป็นอันดับต้นๆของประเทศ ในช่วงพีคหิมะอาจสูงได้ถึง 3 เมตร
ในตอนกลางคืนจะมีการจุดเทียนภายในกำแพงหิมะ ทำให้มีแสงสีส้มอมเหลืองเล็ดลอดออกมาสว่างไสว ดูนุ่มนวลตา เรียกกันว่าทางเดินหิมะมหัศจรรย์แห่งฮิจิโอริ เป็นอีเวนท์ที่จัดเฉพาะคืนวันเสาร์ของช่วงพีคในฤดูหนาวเท่านั้น มักจะเป็นช่วงปลายมกราคมถึงกลางเดือนกุมภาพันธ์ ไม่เคียงแค่นั้น ตอนจบยังมีการจัดแสดงงานดอกไม้ไฟฤดูหนาวอีกด้วย สำหรับชาวญี่ปุ่นแล้ว การชมดอกไม้ไฟนั้นถือเป็นกิจกรรมที่โรแมนติคและมีความหมายมากๆ
สถานีรถไฟที่เดินทางมาบริเวณนี้สะดวกที่สุดคงหนีไม่พ้นสถานีชินโจ (Shinjo Station) ซึ่งสามารถนั่งตรงมาจากสถานียามากาตะได้เลย ที่สถานีชินโจ มีพิพิธภัณฑ์มังงะชินโจ โมกามิ (Shinjo Mogami Manga Museum) อยู่ด้วย หากใครเป็นสายมังงะ/อนิเมะไม่ควรพลาดเด็ดขาด เมืองชินโจได้รับการพูดถึงว่าเป็นดินแดนที่ซุกซ่อนนักวาดพรสวรรค์มากมาย ภายในมีการจัดแสดงผลงานภาพวาดต้นฉบับของนักวาดมังงะที่เป็นคนชินโจและเมืองโมกามิ นอกจากภาพวาดต้นฉบับแล้วยังมีลายเซ็นของนักวาดชื่อดังอย่างอาจารย์โยชิฮิโระ โทงาชิ (Yoshihiro Togashi) ผู้วาดเรื่อง Hunterx Hunter สุดโด่งดังอยู่ด้วย
ยามากาตะเป็นจังหวัดยังคงอนุรักษ์วิถีชีวิตย้อนยุคไว้ได้อย่างน่าทึ่ง ไม่ว่าจะเป็นสถาปัตยกรรม การแต่งกาย หรือกระทั่งวิถีชีวิต และที่สำคัญเลยคือชาวบ้านที่นี่ภูมิใจในวัฒนธรรมของพวกเขา วิถีชีวิตที่เรียบง่ายท่ามกลางธรรมชาติที่สงบเงียบและสวยงาม รอคอยให้ทุกคนได้มาสัมผัส
สำหรับผมแล้วที่นี่เป็นหมู่บ้านเก่าแก่ที่ยังไม่ตกสมัย รอให้ทุกคนเข้าไปสัมผัสประสบการณ์ญี่ปุ่นย้อนยุคอยู่ เชื่อผมสิว่าประสบการณ์ที่คุณจะได้รับจากชาวบ้านเหล่านี้จะไม่มีวันลืมเลือน เพราะชาวบ้านที่ต้อนรับพวกคุณ ไม่ได้ต้อนรับคุณในฐานะนักท่องเที่ยวจากต่างแดน แต่จะต้อนรับพวกคุณในฐานะเพื่อนบ้านหน้าใหม่คนหนึ่งเลยล่ะ