STAY YAMAGATA

ตู้โชว์วงกลมเล่นแสงส่องแมงกะพรุนถ้วยหลายพันตัวอย่างสวยงาม คือ ไฮไลท์ของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ที่ไม่ว่าใครเดินผ่านก็ต้องไม่พลาดที่จะหยุดถ่ายรูปที่ระลึกมุมนี้เอาไว้ นอกจากการจัดแสดงแล้วภายในยังมีร้านอาหารวิวทะเลที่มีหลากหลายเมนูแมงกะพรุนทั้งคาวและหวานไว้ให้ได้ลิ้มลองกัน หรือในวันที่อากาศดีจะเลือกปิกนิกชมวิวทะเลญี่ปุ่นที่สนามหญ้าดาดฟ้าอาคารทรงพิเศษนี้ก็น่าสนใจทีเดียว

โรงน้ำชานี้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมสมัยเอโดะที่ได้รับคัดเลือกขึ้นทะเบียนทรัพย์สินทางวัฒนธรรมประจำชาติญี่ปุ่น การรำไมโกะจะเริ่มเวลาบ่าย 2 โมงของทุกวัน หลังจบการแสดงผู้ชมสามารถขอถ่ายรูปร่วมกับไมโกะได้ นอกจากศิลปะโบราณของญี่ปุ่นภายในโรงน้ำชาแล้ว ถนนหน้าโรงน้ำชายังมีศิลปะที่นำเสนอผ่านการย่อแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ของเมืองซากาตะมาไว้บนฝาท่อน่ารักสไตล์ญี่ปุ่นไว้ให้ลองค้นหากันด้วย

สถานที่แนะนำวัฒนธรรมร้านอาหารและประวัติศาสตร์ของซากาตะ ตัวอาคารเป็นมรดกทางวัฒนธรรมสมัยเมจิที่ได้รับคัดเลือกขึ้นทะเบียนทรัพย์สินทางวัฒนธรรมประจำชาติญี่ปุ่น ภายในมีการจัดแสดงงานประดับเครื่องแขวนงานฝีมือญี่ปุ่น“ซากาตะคาซาฟุกุ” 

หมู่บ้านที่มีมาตั้งแต่สมัยไทโช เป็นหนึ่งในสถานที่ถ่ายทำซีรีย์ดังเรื่องสงครามชีวิตโอชิน รายล้อมไปด้วยภูเขามีแม่น้ำไหลผ่านกลางหมู่บ้าน สองฝั่งแม่น้ำเรียงรายไปด้วยร้านขายของฝาก โรงอาบน้ำ บ่อแช่เท้าและคาเฟ่ที่ล้วนปรับให้เข้ากับบรรยากาศเรโทรจนอาจทำให้เผลอคิดว่ากำลังย้อนกลับไปในยุคโบราณของญี่ปุ่นเลยทีเดียว

สวนแห่งนี้ปลูกสตอเบอรี่ไว้ในโรงเรือนอย่างดีและมีป้ายบอกสายพันธุ์ชัดเจน ทำให้สามารถเพลิดเพลินกับการกินและการพูดคุยเปรียบเทียบรสชาติของแต่ละสายพันธุ์ได้แม้วันที่อากาศหนาวหรือมีหิมะจะโปรยปราย นอกจากสตอเบอรี่แล้ว ที่ยามากะตะเมืองราชาแห่งผลไม้นี้ยังสามารถทัวร์ทานผลไม้ได้ตลอดทั้งปีโดยมีผลไม้แตกต่างกันตามแต่ละฤดูกาล 

เมืองเทนโด คือแหล่งผลิตโคมะ(ตัวหมาก) ของหมากรุกโชกิ จนกล่าวได้ว่าถ้าพูดถึงโชกิต้องนึกถึงเมืองเทนโด ที่เทนโดทาวเวอร์มีห้องเรียนให้ได้ทดลองทำโคมะโดยมีผู้ให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิด ตั้งแต่การเลือกคำจนถึงการลงมือทำแต่ละขั้นตอนทั้งแบบแกะสลักและแบบเขียน ถือเป็นของที่ระลึกและประสบการณ์แปลกใหม่ที่น่าลอง

กระเช้าไฟฟ้าสุดยอดของความสะดวกในการขึ้นไปสัมผัสหิมะขาวโพลนบนยอดเขา ใช้เวลานั่งรวม 17 นาทีโดยประมาณในการขึ้นถึงสถานียอดเขาซึ่งสูงจากระดับน้ำทะเล 1661 เมตร ระหว่างทางสามารถชื่นชมทิวทัศน์ของภูเขาโดยรอบเหมือนกำลังลอยอยู่บนก้อนเมฆเลยทีเดียว

ศาลเจ้าที่มีประวัติยาวนานกว่า 1,200 ปี เป็น 1 ใน "3 ศาลเจ้าคุมาโนะที่สำคัญของญี่ปุ่น" (วากายามะ นากาโนะ และยามากาตะ) อาคารหลักเมื่ออยู่ท่ามกลางหิมะก็ดูมีเสน่ห์อย่างสวยงามของ อาคารนี้ คือ เทพเจ้า ”มุสุบิ” ผู้ให้กำเนิดและเลี้ยงดูสรรพสิ่ง ว่ากันว่าด้านหลังของอาคารหลักมีตุ๊กตากระต่ายซ่อนอยู่ 3 ตัวหากหาเจอทั้ง 3 ตัวความรักจะสมหวังคำอธิษฐานจะเป็นจริง 

อาคารแห่งนี้เคยใช้เป็นอาคารเรียนจริงตั้งแต่ปี1933- 2015 ด้วยสถาปัตยกรรมอันโดดเด่นทำให้ได้รับคัดเลือกขึ้นทะเบียนเป็นทรัพย์สินทางวัฒนธรรมประจำชาติญี่ปุ่น และปรับปรุงเพื่อใช้เป็นศูนย์แลกเปลี่ยนข้อมูลชุมชน ก่อนเปลี่ยนเป็นคาเฟ่ที่มีมุมโถงทางเดินทอดยาว ชวนให้ไปสัมผัสบรรยากาศอาคารเรียนญี่ปุ่นสมัยโชวะ พร้อมลิ้มรสขนมมัฟฟินยอดนิยมของทางร้าน

ร้านเนื้อมืออาชีพผู้พิถีพิถันการคัดสรร “โยเนซาวะกิว” หรือ เนื้อวัวโยเนซาวะ ที่ได้รับการยอมรับว่าคุณภาพดีติด 1 ใน 3 ของเนื้อวัวญี่ปุ่นเป็นพิเศษ เพื่อให้ได้เนื้อคุณภาพดีที่สุดมาปรุงแต่งด้วยเทคนิคเฉพาะของทางร้าน ส่งให้ลูกค้าได้ลิ้มรสความอร่อยของโยเนซาวะกิวในเมนูต่างๆ นอกจากนี้ยังมีเนื้อประเภทอื่นๆ เช่น ยามากะตะกิวไว้ให้ได้เลือกสรร ถือเป็นสวรรค์ของสายเนื้อที่เมื่อมาถึงถิ่นแล้วไม่ควรพลาด