ลองเป็น “มิโกะ” ชั่วคราว ในศาลเจ้าคุมาโนะไทฉะ

หากพูดถึงศาลเจ้าญี่ปุ่น หญิงสาวในชุดขาวแดง หรือที่รู้จักกันในนาม “มิโกะ” น่าจะเป็นสิ่งหนึ่งที่นึกถึงกันเป็นอันดับต้นๆ มิโกะเป็นหญิงสาวที่คอยทำพิธีกรรมหรือช่วยเหลืองานต่างๆ ในศาลเจ้าชินโต เนื่องด้วยมิโกะสวมชุดที่เป็นเอกลักษณ์ และมักปรากฏตามสื่อต่างๆ อย่างมังงะหรือการ์ตูนแอนิเมชันญี่ปุ่นอยู่บ่อยครั้ง เลยทำให้คนที่แม้จะไม่เคยมีโอกาสมาเยือนญี่ปุ่นจดจำภาพลักษณ์ของเธอกันได้ แต่น่าจะมีน้อยคนนักที่รู้ว่าจริงๆ แล้วว่ามิโกะทำหน้าที่อะไรในศาลเจ้า ปัจจุบันบางศาลเจ้าในญี่ปุ่นเริ่มเปิดกิจกรรมให้มาลองสัมผัสประสบการณ์การเป็นมิโกะ ศาลเจ้าขนาดใหญ่อย่างคุมาโนะไทฉะ (Kumano Taisha) ที่ตั้งอยู่ในเมืองนันโย จังหวัดยามากาตะเองก็เป็นหนึ่งในนั้น นี่ถือเป็นโอกาสอันดีที่จะได้รู้จักมิโกะมากขึ้น เราเลยเดินทางไปยังศาลเจ้านี้ และลองสวมบทบาททำอาชีพมิโกะดู  


เราเดินทางมาถึงหน้าศาลเจ้าคุมาโนะไทฉะ เห็นต้นแปะก๊วยขนาดใหญ่อายุร้อยกว่าปีตั้งตระหง่านอยู่หน้าทางเข้า ใบไม้เปลี่ยนเป็นสีเหลืองพร้อมจะร่วงหล่นตามฤดูกาลใบไม้ร่วง ตัดกับโทนสีเทาดำจากแท่นหินที่ตั้งอยู่รอบๆ ความลงตัวของสีเหลืองเทานี้ทำให้เราถึงกับต้องชะงักไปชั่วขณะ พอเดินเข้าไปก็เจอบันไดสูงทางด้านซ้ายมือ ข้างทางมีต้นสนสูงใหญ่เรียงรายให้บรรยากาศราวกับกำลังอยู่ท่ามกลางป่าเขา เราเดินขึ้นไปแล้วพบเจ้าหน้าที่ของกิจกรรมที่กำลังรอต้อนรับ หลังจากกล่าวทักทาย พวกเราก็เข้าไปข้างในอุโบสถ และเริ่มทำกิจกรรมทันที

กิจกรรมช่วงแรก: เก็บกวาดใบไม้ ฟังตำนานเทพเจ้าญี่ปุ่น

ก่อนอื่นเราจะเปลี่ยนเป็นชุดของมิโกะที่เรียกว่า “มิโกะโชโซคุ” (Miko Shouzoku) กันก่อน พี่เจ้าหน้าที่ของทางศาลเจ้า รวมถึงมิโกะจริงๆ เข้ามาช่วยเปลี่ยนให้ เริ่มจากสวมจากเสื้อขาว “ฮาคุเอะ” (Hakue) แล้วตามด้วยกางเกงสีแดงที่เรียกว่า “ฮิบาคามะ” (Hibakama) เนื่องจากอากาศวันนี้ค่อนข้างเย็น เราจึงสวมเสื้อคลุมสีเขียวตุ่นทับอีกชั้นด้วย 

    เมื่อเปลี่ยนชุดเสร็จเรียบร้อยก็เริ่มเข้าสู่กิจกรรมแรกคือ ออกไปกวาดใบไม้ ซึ่งนี่ก็เป็นหนึ่งในหน้าที่ของมิโกะ เราเดินออกไปบริเวณทางเข้าหน้าศาลเจ้าแล้วกวาดใบแปะก๊วยสีเหลืองที่ร่วงหล่นอยู่จำนวนมากให้ออกจากบริเวณทางเดิน นักบวชที่มาช่วยพวกเรากวาดก็ยกเอากองใบแปะก๊วยที่กวาดมารวมกันไว้มาเรียงเป็นรูปหัวใจบ้าง คาแรคเตอร์น่ารักๆ บ้าง ทำเอาพวกเราและคนที่แวะมาศาลเจ้าพอดีอดหยิบโทรศัพท์ออกมาถ่ายรูปกันไม่ได้

    เรากวาดใบไม้ไล่จากทางเข้า ขึ้นไปถึงบันไดขั้นสุดท้ายและจบลงตรงหน้าอุโบสถ แล้วจึงกลับเข้าไปตัวอุโบสถ กิจกรรมต่อไปคือฟังบรรยาย นักบวชหยิบตำนานเทพเจ้าตอนการกำเนิดประเทศญี่ปุ่นจาก “โคจิกิ” (Kojiki) บันทึกทางประวัติศาสตร์ที่นับว่าเก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่นมาบรรยายให้ฟัง ศาลเจ้าคุมาโนะไทฉะหลักๆ จะบูชาเทพเจ้าแห่งการให้กำเนิดสรรพสิ่งบนโลกนามว่า “มุซึฮิ” (Musuhi) หรืออีกชื่อคือ “อิซานามิ โนะ มิโคโตะ” (Izanami no Mikoto) และเทพเจ้าอีกองค์คือ “อิซานาคิ โนะ มิโคโตะ” (Izanaki no Mikoto) ซึ่งได้แต่งงานกับเทพอิซานามิ โนะ มิโคโตะ นี่นับเป็นเทพเจ้าคู่แรกที่แต่งงานตามตำนานญี่ปุ่น ศาลเจ้านี้จึงเน้นด้านการขออธิษฐานเรื่องความรัก ขณะนั่งฟังนักบวชท่านบรรยาย มิโกะก็นำชาจากใบแปะก๊วยมาเสิร์ฟ อุ่นและอร่อยมาก

กิจกรรมช่วงหลัง: ทำเครื่องราง เข้าร่วมพิธีสักการะ

หลังจากฟังบรรยายจบก็เข้าสู่ช่วงทำเครื่องราง (Omamori) ซึ่งพอทำเสร็จก็เอานำไปเข้าพิธีสักการะต่อหน้าเทพเจ้า เราได้เป็นหนึ่งในผู้ทำพิธีด้วย เริ่มจากซ้อมท่าทางการเดินนั่ง เรียนรู้วิธีการถือพานถวาย วิธีถวายกิ่งไม้ซาคาคิ (Sakaki) รวมถึงท่าทางที่ควรระวังเมื่ออยู่ต่อหน้าจุดสักการะเทพเจ้า เมื่อซ้อมเสร็จนักบวชและมิโกะของทางศาลเจ้าก็ไปเปลี่ยนชุดทำพิธีแบบเต็มยศ แล้วเริ่มเข้าสู่พิธีจริง ในพิธีมิโกะของศาลเจ้าจะสวมชุดคลุมสีขาวโปร่งที่เรียกว่า “จิฮายะ” (Chihaya)  แล้วร่ายรำบวงสรวงเทพเจ้า เป็นภาพที่ดูสง่างามมาก เหล่ามิโกะฝึกหัดอายุไม่กี่ชั่วโมงอย่างพวกเราก็ทำตามที่ซ้อมไว้ แต่ก็ผิดๆ ถูกๆ กันไปบ้าง หลังจากพิธีจบเราก็จะได้เครื่องรางเก็บกลับมาเป็นที่ระลึก ระหว่างทำพิธีไม่สามารถถ่ายรูปได้ แต่พอเสร็จพิธีก็เป็นช่วงถ่ายรูปได้ตามอัธยาศัย เราไปขอถ่ายกับมิโกะที่ร่ายรำเมื่อสักครู่ แล้วออกไปถ่ายกับแผงกังหันลมกระดาษสีชมพูส้มที่ศาลเจ้าจัดไว้ข้างนอก เสร็จแล้วกลับมาเปลี่ยนเป็นชุดเดิม 

ปิดท้ายด้วยอาหารกลางวันจากวัตถุดิบในฤดูใบไม้ร่วง

กิจกรรมสัมผัสประสบการณ์มิโกะใช้เวลาเพียงช่วงครึ่งเช้า แต่เขามีรวมอาหารกลางวันไว้ให้ด้วย เราเลือกเซ็ตอาหารกลางวันชุดพิเศษเฉพาะกิจกรรมครั้งนี้ของร้าน 6DINING ไว้ ซึ่งพอจบจากกิจกรรมเราเดินทางไปที่ร้านกันทันที เราไปถึงอาคารของร้านที่ดูโมเดิร์นและเรียบหรูมากจนนึกว่ามาผิดที่ อาหารที่มาเสิร์ฟนั้นเปิดด้วยขนมปังกับซุปฟักทองที่โรยด้วยขนมปังกรอบจากเปลือกฟักทอง ตามด้วยสลัดผักพาร์มาแฮมที่ราดด้วยน้ำสลัดจากหัวหอม ต่อด้วยเนื้อหมูสันในย่าง พร้อมผักและเส้นฟักทองฝอย สุดท้ายปิดด้วยเจลาโต้แอปเปิล แต่ละเมนูใช้วัตถุดิบที่ทำให้สัมผัสได้ถึงฤดูใบไม้ร่วง ประทับใจมากโดยเฉพาะซุปฟักทอง รสชาติอาหารของยามากาตะไม่เคยทำให้ผิดหวังเลย 

พอทานเสร็จเราก็แยกย้ายกันกลับบ้าน นับเป็นหนึ่งวันที่ได้เรียนรู้อะไรหลายอย่าง รวมถึงท้องอิ่มมีความสุข กิจกรรมครั้งนี้ไม่ใช่แค่ได้ลองใส่ชุดมิโกะที่เคยใฝ่ฝัน แต่ยังทำให้เราเรียนรู้วัฒนธรรมความเป็นอยู่ของคนญี่ปุ่นจากการได้ลองสัมผัสจริงๆ ได้เรียนรู้ว่าหน้าที่ของอาชีพมิโกะจากการลองทำจริงๆ ซึ่งสิ่งที่ได้ลองทำไปข้างต้นนั้นเป็นแค่ส่วนหนึ่งของหน้าที่จริงๆ ทั้งหมด แต่ก็นับประสบการณ์อันล้ำค่า แต่ยังมีจุดที่น่าเสียดายอยู่คือ ตอนนี้กิจกรรมจะยังใช้ภาษาญี่ปุ่นทั้งหมด และเป็นระดับภาษาญี่ปุ่นที่ยาก บวกกับทางศาลเจ้าเองก็เปิดให้เข้าร่วมได้ไม่กี่วัน คาดว่าในอนาคตอาจจะมีนโยบายที่รองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติมากขึ้น แต่ถึงอย่างไรก็ตามตัวสถาปัตยกรรมและบรรยากาศของศาลเจ้าคุมาโนะไทฉะนี้สวยงามมาก อยากให้ได้ลองมากันถึงแม้จะไม่ได้เข้าร่วมกิจกรรมนี้ก็ตาม ได้ยินมาว่าหลังอุโบสถของศาลเจ้ามีรูปสลักกระต่ายสามตัว ซึ่งเชื่อว่าหากเจอครบทั้งสามตัวคำอธิษฐานจะเป็นจริง ซึ่งรอบนี้เราพลาด เลยตั้งใจว่าครั้งหน้าจะมานับดู

https://thehiddenjapan.com/

to top