ฤดูใบไม้ร่วงในซาโอ: บึงสีมรกต ออนเซ็นสีฟ้าสว่าง ท่ามกลางใบไม้สีเหลืองส้ม

ซาโอ (Zao) เป็นหนึ่งในสถานที่ที่มักถูกเขียนลงในเช็คลิสว่าต้องไปเยือนหากได้มาจังหวัดยามากาตะ หลายคนอาจรู้จักซาโอในฐานะที่มี “จุเฮียว (Juhyo)”  ปีศาจหิมะอันเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่หาชมได้ยาก หรือในฐานะที่มีเส้นทางสกีจำนวนมากที่สนุกได้ทั้งมือใหม่หรือมือโปร ที่ซาโอนี้ตอนฤดูหนาวจึงคึกคักเป็นพิเศษ แต่ครั้งนี้เราจะพาไปสัมผัสเสน่ห์ของซาโอในช่วงฤดูอื่นบ้าง เราตั้งเป้าจะเดินทางไปดูใบไม้เปลี่ยนสีบริเวณบึงดกโกะ (Dokko Numa) บึงสีมรกตที่ล่ำลือกันว่าสวยงาม โดยเฉพาะในฤดูใบไม้ร่วงนี้

บึงเขียวมรกตลึกลับท่ามกลางใบไม้หลากสี

วิธีเดินทางไปบึงดกโกะนั้นไม่ยาก เราจะต้องขึ้นซาโอจูโอโรปเวย์ (Zao Chuo Ropeway) กระเช้าลอยฟ้าที่อยู่ห่างจากป้ายรถบัสสถานีซาโอออนเซ็นเพียง 5 นาที พอซื้อตั๋วเสร็จเราก็ขึ้นกระเช้าไป ระหว่างอยู่บนกระเช้ามองเห็นสีสันของต้นไม้ที่งดงามเกินจะบรรยาย ตรงบริเวณตีนเขาสีของต้นไม้ยังคงออกโทนเขียว พอกระเช้าลอยสูงขึ้นก็เริ่มเห็นต้นไม้โทนส้มเหลืองแผ่ไปทั่วทั้งบริเวณ กระเช้าหยุดลงที่สถานีโทริคาบุโตะ (Torikabuto) เราเดินออกมาข้างนอก เห็นเทือกเขาซ้อนกันประกอบกับป่าไม้มีสีแดงส้มเหลืองปน ใกล้ๆ มีลิฟต์สกีจูโอไดอิจิ (Chuo Daiichi Lift) ที่สามารถพาเราลงไปถึงบริเวณบึงดกโกะได้ในทันที แต่เราอยากสูดอากาศสัมผัสธรรมชาติให้เต็มที่จึงตัดสินใจเดินลงเนินเอา

เดินลงจากเนินมาประมาณ 15 นาทีก็มองเห็นบึงดกโกะ น้ำในบึงมีสีเขียวมรกต ล้อมรอบไปด้วยต้นไม้สีเขียว เหลือง ส้ม สีของใบไม้เหล่านี้สะท้อนลงบนผิวน้ำ แต่งแต้มสีมรกตของน้ำในบึงให้งดงามราวกับภาพวาด รอบๆ บึงมีเก้าอี้ยาวที่ทำจากขอนไม้ตั้งไว้ให้คนมานั่งดื่มด่ำกับวิวนี้ได้ วันนี้เป็นวันหยุดจึงมีทั้งครอบครัว คู่รักจำนวนมากมาเที่ยวชม และมีคุณลุงคุณป้าหลายคนมานั่งสเก็ตภาพวิวของบึงดกโกะนี้กันด้วย ชื่อเรียกของบึงดกโกะนี้มาจากตำนานที่เล่าว่า มีนักบวชรูปหนึ่งเดินทางมายังเขาซาโอ พอเดินผ่านบึงนี้มังกรก็ปรากฏตัวออกมา นักบวชจึงท่องคาถาแล้วโยนวัชระซึ่งในภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า “ทกโกะ (Tokko)” ลงไป จากนั้นร่างของมังกรตัวนั้นก็จมหายไป บึงนี้จึงถูกเรียกว่า “ดกโกะ” อันมีที่มาจากคำว่าทกโกะที่ถูกโยนลงไปนี่เอง ส่วนสาเหตุที่บึงมีสีเขียวมรกตนั้นก็ยังคงเป็นปริศนาที่ไขไม่ได้อยู่

เดินชมป่าต้นบีชและน้ำตกฟุโด

หลังถ่ายรูปกับใบไม้สีเหลืองบริเวณบึงจนเป็นที่พอใจแล้ว เราก็เดินไปตามเส้นทางเล็กๆ ที่มุ่งไปสู่น้ำตกฟุโด (Fudo Taki) ระหว่างเดินเข้าไปก็เห็นต้นบีช (Buna) สูงเรียวตามทาง ใบไม้ของต้นบีชเปลี่ยนเป็นสีเหลืองพร้อมจะร่วงหล่น เดินไปได้สักพักก็เจอน้ำตกฟุโดสูงราว 4 เมตรที่ปลายทาง บรรยากาศตรงนี้ให้ความรู้สึกลึกลับพิศวง ตรงใกล้ๆ น้ำตกมีรูปปั้นหินอจละ หรือ “ฟุโดเมียวโอ (Fudo Myo-o)” ตั้งบูชาไว้อยู่ น้ำตกนี้จึงมีชื่อเรียกว่า “ฟุโด” นั่นเอง ขากลับเราเดินผ่านเส้นทางเดิม จึงแวะชมบึงดกโกะอีกครั้ง ผู้คนเริ่มทยอยกลับกันแล้ว เราจึงขึ้นกระเช้ากลับไปยังสถานีข้างล่าง

คลายความเหนื่อยล้า ในออนเซ็นกลางแจ้งขนาดใหญ่

วันนี้เราเดินมาเยอะพอสมควร เลยอยากจะคลายความเหนื่อยล้าของขา และอุตส่าห์มาถึงแหล่งออนเซ็นแต่ไม่ได้ลงออนเซ็นก็คงเหมือนกับว่าเรามาไม่ถึงที่ เลยแวะไปแช่ออนเซ็นกลางแจ้ง ซาโอ ไดโรเทนบุโระ (Zao Dairotenburo) สักหน่อยก่อนกลับ เดินเข้าไปข้างในก็เห็นบันไดลาดยาวลงไป พอจ่ายเงินค่าเข้าเสร็จ ก็เดินเข้าไปในจุดแช่น้ำของฝั่งผู้หญิง วินาทีที่ก้าวเท้าเข้าไปในข้างใน ก็เห็นภาพใบไม้เปลี่ยนสีสดใสเรียงอยู่บนเขา ตัดกับที่ฟ้าสว่างจากน้ำในบ่อน้ำพุร้อน ซึ่งภาพที่เห็นนี้ทำเอาเราอยากรีบเอาตัวเข้าไปแช่ทันที ที่นี่ไม่มีจุดอาบน้ำฝักบัวหรือสบู่แชมพูเตรียมไว้ให้ แต่เราจะต้องตักน้ำตรงจุดที่เขาเตรียมไว้ให้ขึ้นมาชำระร่างกายก่อนแล้วจึงค่อยลงไปแช่ กลิ่นของกำมะถัน อุณภูมิร้อนพอดีของน้ำ และเสียงสายน้ำไหลผ่านจากภูเขา ทำให้รู้สึกสงบ ร่างกายทุกจุดรู้สึกผ่อนคลาย ใบไม้เปลี่ยนสีที่ร่วงหล่นอยู่เหนือน้ำ สายลมเย็นๆ บวกกับความร้อนจากออนเซ็นนั้น ทำให้รู้สึกว่ากำลังได้สัมผัสถึงฤดูใบไม้ร่วงอย่างแท้จริง เนื่องจากที่นี่ปิดให้บริการช่วงฤดูหนาว ฤดูใบไม้ร่วงนี้จึงเป็นฤดูสุดท้ายที่จะสามารถเข้ามานั่งแช่น้ำชมวิวที่สวยงามราวกับภาพวาดนี้ได้ พอร่างกายฟื้นฟูเติมที่ เราก็พร้อมเดินทางกลับ

แวะทานอาหารในคาเฟ่สไตล์ฝรั่งเศส

ถึงร่างกายจะฟื้นฟูเต็มที่แล้ว แต่เรายังรู้สึกท้องว่าง ก่อนกลับจึงไปแวะคาเฟ่ ชื่อ UNITE CAFE ซึ่งจากป้ายรถบัสสถานีซาโอออนเซ็นเราสามารถเดินไปได้โดยใช้เวลาประมาณ 10 นาที ร้านนี้จำลองบรรยากาศของคาเฟ่ที่อยู่ในแถบโพรวองซ์ทางตอนใต้ของฝรั่งเศส เข้าไปในร้านจะรู้สึกได้ถึงความเรียบหรู มีแกลเลอรีขนาดเล็กจัดแสดงอยู่ และตรงบริเวณที่ทานอาหารมีเตาผิงขนาดใหญ่คอยให้ความอบอุ่น เราสั่งคร็อก-เมอซีเยอ แซนวิชชีสแฮมสไตล์ฝรั่งเศสมาลอง กัดคำหนึ่งก็สัมผัสได้ถึงความนุ่มของแฮมและชีส ขนมปังก็นุ่มกรอบกำลังพอดี เราตบท้ายด้วยการสั่ง “คุรุมิดังโงะ” หรือ ดังโงะที่ราดด้วยซอสจากวอลนัทบด มากินคู่กับกาแฟเบลนด์พิเศษของทางร้าน กาแฟหอมและมีสัมผัสรสชาตินุ่ม กินง่าย และเข้ากันกับคุรุมิดังโงะเป็นอย่างมาก ซอสบนดังโงะให้รสชาติของวอลนัทแบบเต็มปากเต็มคำ เป็นขนมที่ทำให้รู้สึกได้ถึงฤดูใบไม้ร่วงของญี่ปุ่นท่ามกลางร้านสไตล์ฝรั่งเศสนี้  เมื่อท้องอิ่มแล้ว เราก็พร้อมเดินทางกลับ

ทริปครั้งนี้นับเป็นทริปเดินป่าเดินเขาในระยะทางสั้นๆ ที่ให้เราได้สัมผัสถึงเสน่ห์ด้านหนึ่งของซาโอในฤดูใบไม้ร่วง แต่จริงๆ แล้วในซาโอเรายังสามารถเดินเขาได้อีกหลายเส้นทาง และในแต่ฤดูกาลภาพวิวทิวทัศน์ก็จะต่างกันออกไป หากมีเวลาก็อยากให้เดินไปยังเส้นทางที่ตรงไปถึงโอคามะ (Okama) ทะเลสาบบนปากปล่องภูเขาไฟด้วย เส้นทางนั่นเราก็สามารถใกล้ชิดและสัมผัสได้ถึงความยิ่งใหญ่ของธรรมชาติได้เช่นกัน เป็นอีกที่ที่อยากให้ลองไปกันให้ได้เลย 

https://thehiddenjapan.com/

to top